วินนิ่งเอฟที ฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556
ไมน์ซ เปิดสนาม โคเฟซ อารีน่า ปะทะ ดอร์ทมุนด์ ทีมเสือเหลืองของ
เยอร์เก้น คล็อปป์ เปิดบ้านชนะ นาโปลี ได้สวย 3-1 ในเกมยุโรป
นัดนี้ได้ มานุเอล ฟรีดริช ประสานงานกับ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ในแผงหลัง
จากที่หมดสิทธิ์เล่นเมื่อกลางสัปดาห์ แนวรุก เป็นชุดใหญ่แต่พัก เฮนริคห์
มคิทาร์ยาน ส่ง โอบาเมย็อง ลงตัวจริง เจ้าบ้าน ไมน์ซ
ยังติดใจแนวรุกชุดเดิมที่ชนะเบรเมน ในสัปดาห์ก่อน เซบาสเตียน
โพลเทอร์, นิกิ ซิมลิ่งก์, นิโคไล
มุลเลอร์ และ ชินจิ โอคาซากิ ลงครบ นาทีที่ 11 ไมน์ซ
เกือบออกนำก่อนเมื่อ โยฮันเนส ไกส์ ได้บอลแต่งหาช่องยิงจาก 30 หลาทำเอา โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ต้องดีดตัวปัดออกหลัง ผ่านมาถึงนาทีที่ 33
เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจเร็วทันใจเมื่อถอดเอา สเวน เบนเดอร์
ออกแล้วส่ง นูริ ซาฮิน ลงเพื่อแก้เกม ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ดอร์ทมุนด์
หวิดได้เฮ โอบาเมย็อง ได้บอลในเขตโทษแล้วยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบกองหลัง ไมน์ซ แต่
โลริส คาริอุส ปัดได้ด้วยปลายนิ้ว ครึ่งหลัง เป็นดอร์ทมุนด์ ที่ได้ประตูแรกของเกม
นาทีที่ 70 จากฟรีคิกระยะหวังผล โอบาเมย็อง รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาส่งบอลข้ามกำแพงชนเสาเด้งเข้าประตูไป
1-0 แต่อีกแค่ 4 นาที ไมน์ซ
ก็ตามตีเสมอได้จากจุดโทษเมื่อ พิสเซ็ค ไปสกัดยูนุส มัลลี่ ล้มในเขตโทษและเป็น
เอริค มักซิม ชูโป โมติง ยิงไม่เหลือ 1-1 ไมน์ซ
มาพลาดเองในนาทีที่ 78 เอลกิน โซโต้ ไปตั้งใจแฮนด์บอลในเขตโทษนอกจากโดนจุดโทษแล้วยังเป็นใบแดงไล่เจ้าตัวออกไป
ด้วย ดอร์ทมุนด์ ไม่พลาดให้ เลวานดอฟสกี้ จัดการซัดเป็น 2-1 ในช่วงทดเจ็บนาทีที่
4 ดอร์ทมุนด์ มาได้ประตูตอกฝาโลง เอริค ดวร์ม เติมเกมรุกเข้าเขตโทษแล้วไปโดน
โลริส คาริอุส รวบล้ม เลวานดอฟสกี้ รับหน้าที่สังหารจุดโทษอีกครั้งเป็น 3-1
จบเกม ดอร์ทมุนด์ บุกมาชนะไมน์ซ 3-1 โดยทั้ง 4
ประตูในเกมนี้มาจากลูกนิ่งทั้งหมด
วินนิ่งเอฟที อาแอส โมนาโก เก็บเพิ่มสามแต้ม
ขยับรั้งรองจ่าฝูง หลังเปิดบ้านเอาชนะ แรนส์ 2-0 โดยมีแต้มตามหลัง
เปแอสเช จ่าฝูงอยู่ 2 คะแนน แต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด ในศึกฟุตบอล ลีกเอิง ฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สนาม สต๊าด หลุยส์ II อาแอส
โมนาโก เปิดสต๊าด หลุยส์ II รับการมาเยือนของ แรนส์
ที่ไม่ชนะมา 3 เกมซ้อน เคลาดิโอ รานิเอรี่
เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของโมนาโกขาด ราดาเมล ฟัลเกา ดาวยิงทีมชาติโคลอมเบีย
และผู้นำร่วมดาวซัลโวลีก เอิงที่ซัดไปแล้ว 9 ประตู บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา
โดยเขาส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิอาล ยืนกองหน้าคู่กับ เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ ส่วน
ฟิลิปป์ มงตานิเย่ร์ เทรนเนอร์แรนส์ได้ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้
กองกลางตัวรับพ้นโทษแบน 1 นัดกลับมา โดยมี เนลสัน โอลิเวยร่า
หัวหอกโปรตุเกสนำทัพหน้า เกมครึ่งแรก นาที 18 เช็ก
เอ็มบ็องกูเอ้ แบ็กซ้ายแรนส์ทำฟาวล์ เจมส์ โรดริเกซ โดยเจ้าถิ่นได้ลูกฟรีคิก เจมส์
โรดริเกซ สังหารฟรีคิกเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวาตุงตาข่าย โมนาโก ออกนำ 1-0
และนาที 44 โมนาโกนำห่าง 2-0 เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ ชิ่งบอลให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิอาล
ซัดเท้าซ้ายหน้าประตูเข้าไป จบครึ่งแรก โมนาโกนำห่าง 2-0 ช่วงท้ายเกมนาที
87 ลูคัส โอคัมโปส ปีกอาร์เจนติน่า ตัวสำรองยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติด
เบอนัวต์ กอสติล นายทวาร ปัดบอลไปเข้าทาง เอ็มมานูเอล ริวิแยร์
วอลเล่ย์เท้าขวาไม่เข้ากรอบ จบเกม โมนาโก ชนะ แรนส์ 2-0 ทำให้ตอนนี้
โมนาโก เขยิบขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงลีก เอิงมี 32 คะแนน
จากการลงสนาม 15 นัด ตามหลัง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์เก่าและทีมจ่าฝูง
2 คะแนน แต่ เปแอสเช เตะน้อยกว่า 1 นัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น